วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ หลักไวยากรณ์เบื้องต้นจนเก่งระดับสูง


ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษกับคำถามที่ถามบ๊อยบ่อย

  • ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษยากไหม
  • หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้นมีอะไรบ้าง
  • โครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษซับซ้อนแค่ไหนกัน
  • และอื่น ๆ……จิปาถะ
คำตอบคือ อย่าถามมากแต่ศึกษาให้มากจะรู้เอง อิ ๆ ล้อเล่นคร้าบ การเรียนไวยากรณ์นั้นเหมือนกับการทำอะไรต่อมิอะไรละครับ เอ้าเป็นงัยเล่า อ้าวก็เริ่มจากระดับง่าย ๆ ก่อนไง เหมือนกับการขึ้นตึกสิบชั้น ต้องเิ่ริ่มที่บันไดขั้นแรกแล้วไปทีละก้าวนั่นแหละ (ยกเว้นขึ้นลิฟต์)
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเนี่ยเป็นอะไรที่นักเรียนไม่ชอบเอาเสียเลย สาเหตุเพราะหลายคนคิดว่าย๊ากยาก มันก็เลยยากอย่างที่เราคิดจริง ๆ ด้วย เพราะเมื่อเราคิดดังนั้น เราก็ไม่คิดที่จะศึกษากันอย่างจริง ๆ จัง แล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ถ้าเราคิดว่ามันคงไม่ยากหรอก ถ้ายากคงไม่มีใครเรียนรู้เรื่องเป็นแน่แท้ หากเรามีความคิดเช่นนี้ สมองก็จะสั่งการว่าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ ฮ่า ๆ และเราก็ทำได้จริง ๆ ด้วย
มีคำพูดหนึ่งที่ทุกคนควรเอาอย่างคือ “อะไรก็ตามแต่ที่มนุษย์คนหนึ่งทำได้ มนุษย์คนอื่นก็ทำได้ด้วย”

ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษยากไหมคะ

อย่างที่บอกครับ มันไม่มีอะไรยากหรือง่ายจนเกิน ถ้ามันยากทุกคนก็ทำไม่ได้ ถ้ามันง่ายทุกคนก็ทำได้สิครับ มันเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ถ้าลงมือทำ การเดินทางออกนอกโลกเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เขาก็ทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้  วิธีการคือควรเริ่มเรียนรู้จากอันง่าย ๆ ทำความเข้าใจจากระดับพื้นฐาน หรือระดับเบสิกนั่นแหละ นักเรียนส่วนใหญ่ที่เห็นว่าไวยากรณ์เป็นเรื่องยาก ก็เพราะว่าไปเรียนอันที่มันยาก ๆ มันก็ยากซิครับ เหมือนกับให้เด็กน้อยยกกระสอบข้าวไง เด็กที่ไหนจะยกได้ เมื่อทำไม่ได้ก็ท้อและไม่สนใจในที่สุด สุดท้ายก็เกลียดมันไปเลย
เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามแต่ถ้าเราลองทำแล้วคิดว่ามันยากเกินกำลัง ก็ให้หาสิ่งที่เราคิดว่าเราพอเีรียนรู้เรื่อง แล้วก็ทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งก่อน แล้วค่อยทำในสิ่งที่มันยากขึ้นไป วันหนึ่งหากเราไปถึงยอดเขาและมองลงมา เราก็จะมีความภูมิใจว่า เฮ้อมันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นี่นา

หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้ืองต้นมีอะไรบ้าง

ถ้านักเรียนเดินเข้าไปในร้านหนังสือ และลองเปิดดูหนังสือไวยากรณ์สักเล่มซิ บางเล่มหนาเตอะเลย อันนี้เค้าเขียนละเอียดถึงขนาดที่ว่าเจ้าของภาษาเองก็ไม่ได้เรียนลึกขนาดนี้  เปรียบเทียบกับไวยากรณ์ไทยก็ได้ จะมีสักกี่คนที่จะเรียนเจาะลึกลงไปจริงๆ ไม่ค่อยมีหรอก เพราะฉะนั้นให้เรียนเฉพาะที่จำเป็น ๆ ก่อน แล้วค่อยเจาะลึกลงไปอีกที ถ้าเราจะศึกษาในแขนงนั้น ๆ
หลักไวยากรณ์เบื้องต้นที่นักเรียนควรเรียนรู้ให้เข้าใจนั้นต้องตอบคำถามความแตกต่างของภาษาอังกฤษและภาษาไทยต่อไปนี้ได้
  • คำนามต่างกันอย่างไร
  • ทำไมกริยาถึงมีสามช่อง เอาไปใช้อย่างไร
  • เวลามีความเกี่ยวข้องกับคำโครงสร้างภาษาอย่างไร
ถ้าตอบคำถามง่าย ๆ นี้ได้แสดงว่าพอเข้าใจหลักภาษาแล้วละครับ

โครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษซับซ้อนไหม

เฮ้อ….นี่แหละสิ่งที่อยากจะบอกว่าให้ใจเย็น ๆ ให้เรียนให้เข้าใจ และค่อยเป็นไป ซึ่งโครงสร้างในที่นี้คือ โครงสร้างของ Tense นั่นแหละ มันมีโครงสร้าง 12 อันก็จริง แต่ว่าที่ใช้บ่อย ก็มีแค่ 5-6 อันเองแหละ ที่เหลือเรียนให้รู้ก็พอ เพราะไม่ค่อยได้ใช้กันเลย
เรื่อง Tense เป็นจุดที่สำคัญที่สุดของหลักภาษาอังกฤษ และเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้ง เพราะเกี่ยวเนื่องกับเวลาโดยตรง คล้ายกับภาษาบาลี หากใครเคยเรียนก็จะรู้
การทำความเข้าใจเรื่อง Tense ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง ใช้จินตนาการหน่อย และยอมรับความแตกต่างระหว่างภาษาให้ได้ แค่นี้เองครับ

ทดสอบ ทำข้อสอบเอนทรานย้อนหลัง



ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ มีนาคม 2548
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ ตุลาคม 2547
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ มีนาคม 2547
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ มีนาคม 2546
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ ตุลาคม 2545
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ มีนาคม 2545
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ ตุลาคม 2544
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ มีนาคม 2544
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ ตุลาคม 2543
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ มีนาคม 2543
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ ตุลาคม 2542
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ มีนาคม 2542
ข้อสอบเอนทรานซ์ ภาษาอังกฤษ ตุลาคม 2541

ขอบคุณ myfirstbrain.com

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เรื่องจริงสอนใจ เราเลือกชีวิต อย่าปล่อยให้ชีวิตเลือกเรา


       

มีคู่แฝดอยู่ 2 คน เกิดพร้อมกัน พ่อแม่มีฐานะปานกลาง พอส่งเสียได้....
คนหนึ่งเลือกจะพยายามสอบหมอให้ได้ ขยันเรียนตลอด 3 ปี ใน ม.ปลาย จนกระทั่งทำเป็นนิสัยและความเคยชิน เรียนพิเศษทุกวัน อดทนอ่านหนังสือวันละ 12-14 ชม. ก่อนสอบ เพื่อมาเป็นนักศึกษาแพทย์ ผลสอบออกมาได้คะแนนเอ็นเจ็ดวิชา 79% ติดแพทย์จุฬาแบบเฉียดฉิว เพราะคนสุดท้ายได้ 76%

ตอนเรียน
ปี1-3 มีปิดเทอมทั้งปี.....มีเดือนนึง เพราะมีวิชาแล็บเยอะปี4-6 ทั้งปี.....ไม่มีปิดเทอม เพราะต้องอยู่เวร



คนที่สองก็อ่านบ้าง เล่นเกมบ้าง อาศัยเรียนพิเศษบ้าง โดดบ้าง อาศัยอ่านวันละ 4-6 ชั่วโมงก่อนสอบ ผลสอบออกมาได้คะแนนเอ็นห้าวิชา 65% ติดวิศวะจุฬาแบบเฉียดฉิว เพราะคนสุดท้ายได้ 63%

ตอนเรียน
ปี1-3 มีปิดเทอมและวันว่างรวมเกือบครึ่งปี โดดบ้างเพราะบางวิชาไม่เช็คชื่อปี 4 มีเรียนแค่สัปดาละ 3 วัน เพราะต้องทำโปรเจคบ้าง หางานบ้าง



......ผ่านไป 10 ปี
คุณ หมอเด็กคนหนึ่งอายุ 30 เศษๆ ในโรงบาลเอกชน หลังรับกระเช้าปีใหม่จากพ่อแม่เด็กคนที่ 270 ที่ทำคลอดให้ และคำชื่นชมว่าขอบคุณ กลับบ้านไปพักผ่อนที่บ้านตัวเองอย่างสบายใจ รับเงินเดือนรวมทุกอย่างแล้วสองแสนห้า ทักษะที่ถนัดคือตรวจโรค จ่ายยา ทำคลอด ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ กำลังจะซื้อคอนโดในเมือง พ่อแม่ชอบโทรมาปรึกษาเรื่องสุขภาพบ่อยๆ และแม่สามารถคุยกับคนอื่นอย่างเต็มปาก ได้ว่าลูกประสบความสำเร็จ และหมดห่วง

ขณะเดียวกันผู้จัดการคนหนึ่งในสายงานวิศวะในบริษัทต่างชาติ กำลังจ้องจอคอมวันละ 8-12 ชม. เงินเดือนรวมโอทีทุกอย่างแล้ว 6 หมื่น ถูกเจ้านายต่างชาติกดดันเรื่องวันส่งโปรเจค ทักษะที่ถนัดคืองานเอกสาร หลังกลับถึงบ้านของพ่อ แม่ชอบถามทุกวันว่าทำงานเหนื่อยไหม พักบ้างก็ได้ พอมีเวลาว่างต้องฝึกภาษา เพื่อมีโอกาศก้าวหน้า และต้องเปลี่ยนงานเพื่อเพิ่มเงินเดือน


จากเรื่องจริงที่ผมนำมาเล่าใน อยู่ที่เราเลือกชีวิต อย่าปล่อยให้ชีวิตเลือกเรา เราพยายามแค่ไหน เราย่อมทราบดี รักสนุกวันนี้ อนาคต ความลำบากรออยู่ และสุดท้ายแล้ว พ่อแม่ท่านรู้อยู่แล้วว่าลูกประสบความสำเร็จหรือเปล่า

กด LIKE แล้วติดตามการอัพเดตได้ในหน้าแรกFACEBOOK ตลอด

ร่วมกดไลค์เพื่อแชร์ไปให้เพื่อนๆทุกคน